ภูมิแพ้ - ภูมิเพี้ยน


       โรคที่เกิดการอักเสบเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งในการทำให้เกิดโรคภูมิแพ้-ภูมิเพี้ยนขึ้นมาได้ และยังมีสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภูมิแพ้-ภูมิเพี้ยน ก่อตัวขึ้นอย่างถาวร อาการนั้นคือผนังลำไส้เล็กรั่วจากการที่เราใช้ยาปฏิชีวนะกันมากเกินไป การดื่มสุรา สารเคมีในอาหาร ความเครียด การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร สิ่งต่างๆนี้เป็นสาเหตุสำคัญ ยิ่งยาปฏิชีวนะจะชัดเจนที่สุด เพราะเข้าไปทำลายแบคทีเรียตัวดีและตัวไม่ดี มีแต่เชื้อยีสต์ที่ยาปฏิชีวนะไม่สามารถทำลายได้ โดยปกติเชื้อยีสต์หรือรา(แคนดิดา อัลบิแคน)นี้จะถูกควบคุมโดยแบคทีเรียตัวดีเนื่องจาก แบคทีเรียตัวดีถูกทำลาย จึงทำให้เชื้อยีสต์บุกเข้าจู่โจมที่ผนังลำไส้เล็กฝังตัว และเจาะผนังลำไส้เล็กให้เกิดรูรั่ว รอยรั่วนี้เองทำให้อาหารที่เราทานเข้าไปถูกย่อยไม่หมดหรือมีอนุภาคขนาดใหญ่หลุดเข้าไปในกระแสเลือดระบบภูมิคุ้มกันเราตอบสนองเข้าไปจัดการ โดยคิดว่าอาหารหรือโปรตีนเหล่านี้เป็นผู้บุกรุก จึงได้เข้าไปทำลาย และได้บันทึกไว้โปรตีนตัวนี้ คือผู้บุกรุก หากอาหารชนิดนี้เราทานเข้าไปอีกจะถูกกำจัดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมทั้งๆที่แต่ก่อนทานเข้าไปไม่มี

ปัญหา นี่คือสาเหตุของโรคภูมิแพ้-ภูมิเพี้ยน ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

            -ภูมิแพ้แบบเฉียบพลัน (IGE)                     -ภูมิแพ้แบบแอบแฝง (IGG)

1.อาการแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน (IGE)

            เป็นอาการแพ้ที่พบได้ยาก มีน้อยกว่า 5% ของคนที่มีอาการแพ้เป็นอาการแพ้ที่ส่งต่อทางพันธุกรรมได้ อาการแพ้แบบเฉียบพลันจะมีอาการชัดเจน ภายในเวลา 2 ชั่วโมง เช่นคนแพ้ถั่วลิสงหรืออาหารทะเล อาหารอื่นๆ

และส่วนใหญ่คนที่มีอาการแพ้แบบนี้ แพ้อาหารเพียง1 หรือ2 ชนิดเท่านั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่ตรวจสอบอาหารที่แพ้แล้วเลิกทาน

            อาการแพ้แบบนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง ทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ต่างจากอาการแพ้อาหาร

แบบแอบแฝงซึ่งมีผลต่อร่างกายทุกส่วน

อาการที่พบภูมิแพ้แบบเฉียบพลัน

ทางผิวหนัง  -ผิวหนังอักเสบจากการแพ้ (Eczema)

                   -ลมพิษ (Angioedema)

                   -สะเก็ดเงิน (Psoriasis)

ทางเดินหายใจ   -หอบหืด

                        -ลมชัก

                        -จมูกอักเสบ

ทางเดินอาหาร  -ลำไส้อักเสบแบบ (Ulcerative Colitis)                                                                              

                        -ลำไส้อักเสบแบบ (Crohn ’s Disease)                                                                              

            ภูมิแพ้แบบเฉียบพลันนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ควบคุมอาหารได้อาการก็ไม่กำเริบ

2.อาการแพ้อาหารแบบแอบแฝง (IGG)

            เป็นอาการแพ้ที่พบได้ 1ใน3คน ที่มีอาการแพ้ อาการแพ้จะแสดงออกมาหลังจากทานอาหารเข้าไป อาจใช้เวลานานกว่าอาการแพ้เฉียบพลัน คือ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงหรือ 2-3วัน อาการจะเกิดขึ้นได้กับอวัยวะและเนื้อเยื่อ

ทุกส่วนของร่างกายและเกิดอาการแพ้ได้เป็นร้อยอาการ เป็นสาเหตุของโรคนับร้อยโรค ที่สำคัญการตรวจพบอาการแพ้ยากกว่าแบบเฉียบพลัน แต่สามารถรักษาให้หายได้โดยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลบโปรแกรมอาหารที่แพ้ชนิดนั้น

ถ้าเราหยุดทานอาหารที่แพ้ 3-4 เดือน ร่างกายเราจะไม่มี IGG แอนติบอดี้ ต่อต้านอาหารชนิดนั้นเหลืออยู่ในร่างกาย

ระบบภูมิคุ้มกันจะหยุดผลิตหรือลบความจำอาหารนั้น เราก็จะไม่แพ้อาหารนั้นอีกต่อไป

            แต่การแพ้แบบแอบแฝงโดยส่วนใหญ่ตรวจพบว่าจะมีอาการแพ้อาหารมากว่า 2 อย่าง ขึ้นไปโดยมากกว่า

อาการแพ้แบบเฉียบพลันซึ่งมีอาการแพ้อยู่ 1-2 ชนิดเท่านั้น

อาการที่พบภูมิแพ้แบบแอบแฝง มีมากนับร้อยอาการหลักๆเช่น

            -เบาหวาน ชนิดที่ 1 ต้องพึ่งพาอินซูลิน (มักแพ้กลูเต็น,นมถั่วเหลือง)

            -รูมาตอยด์

            -SLE

            -หนังแข็ง

            -ข้อกระดูกสันหลังอักเสบ

            -ผิวหนังอักเสบ (เกิดได้ทั้งเฉียบพลันและแอบแฝง)

            -หอบหืด (เกิดได้ทั้งเฉียบพลันและแอบแฝง)

            -ปวดตามกล้ามเนื้อและเอ็น

            -ปวดหัว

            -เครียด,หดหู่,ประหม่า

ตรวจหาอาการว่าแพ้อาหารชนิดใด

            ปัจจุบันมีสถานที่ตรวจสอบอาการแพ้อาหารได้อย่างแม่นยำ โดยไปหาตรวจได้ที่ สถานพยาบาลที่โฮลิสติค

เมดดิคอล เซนเตอร์ (ผู้เขียนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว) หรือไม่เราต้องคอยสังเกตอาการเราเองว่าแพ้อาหารชนิดใด โดยทำการจดบันทึกไว้ทุกวัน แล้วคอยหยุดหรือละเว้นอาหารชนิดนั้น

การรักษาอาการแพ้แบบองค์รวม

            เมื่อเราทราบต้นเหตุว่ายาปฏิชีวนะ สุรา สารเคมีที่กินได้มีส่วนทำให้แบคทีเรียตัวดีตาย เราควรหยุดการใช้ยาพวกนั้นหรือทานโปรไบโอติค (แบคทีเรียดี) เข้าไปเสริม โปรไบโอติคจะเข้าไปควบคุมแบคทีเรียตัวร้าย เชื้อยีสต์

ที่ทำให้เกิดการแพ้ถูกควบคุมทำลายหรือถูกผลักดันออกไป หมั่นทานผัก/ผลไม้ ซึ่งเป็นพรีไบโอติค            

(อาหารแบคทีเรีย)อยู่ประจำเพราะแบคทีเรียดีจะย่อยไฟเบอร์ในผัก/ผลไม้เป็นกรดไขมันชนิดสั้น (กรดบิวทีริค)และ

กรดไขมันสายกลาง (กรดคาปริลิค) เป็นอาหารทำให้แบคทีเรียตัวดีขยายพันธุ์ได้มากขึ้นและยังช่วยซ่อมแซมผนังลำไส้ที่รั่วให้กลับมาเป็นปกติ

            สิ่งสำคัญแบคทีเรียดียังช่วยเพิ่ม T.Cell ตัวควบคุม (เซลล์ภูมิคุ้มกัน)ไปดูแลไม่ให้ T.Cell ตัวช่วยเหลือ

ออกมาทำงานเกินหน้าที่ ลดอาการภูมิแพ้ได้ดีขึ้น

            แบคทีเรียดีเป็นตัวสังเคราะห์วิตามินบีให้กับร่างกาย วิตามินบี5 วิตามินบี5 ไปช่วยผลิต

เม็ดเลือดแดง,เม็ดเลือดขาวที่ไขกระดูก ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ภูมิคุ้มกันมากขึ้น และวิตามินบี5 ยังไปผลิตคอติโซลที่

ต่อมลูกหมากไต คอติโซลเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้

            เราจะเห็นได้ถ้าเราให้อาหารที่ดี ผัก/ผลไม้ และเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดี สามารถลดอาการภูมิแพ้ได้ ถ้าได้เพิ่มน้ำมันมะพร้าวร่วมเข้าไปด้วยจะวิเศษยิ่งขึ้น เพราะน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันสายกลางมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียตัวร้าย ยีสต์ รา จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราทำงานได้ดีขึ้น และกรดไขมันสายกลางในน้ำมันมะพร้าวยังเป็นมิตรกับ

แบคทีเรียดี ช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมเหมาะแก่การแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียดีได้มากขึ้น.

อาหารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ 3 อันดับแรก

1.นมวัว

2.กลูเตน (โปรตีนไกลอา)ในข้าวสาลีมีอยู่ในอุตสาหกรรมเบเกอรี่,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,ขนมอบกรอบ,ซาลาเปา

3.ยีสต์ (ขนมปัง,ซอสถั่วเหลือง,เบียร์,วอดก้า)

ข้อควรปฏิบัติของผู้ที่มีอาการแพ้

-ไปตรวจหรือหาสาเหตุของอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้


Copyright © 2012 Thai-Bio.com, All rights reserved. Designed by Friendly6design